![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhNA3qLEiNeYOZv5rM5-t8MLN_tVUu0rx4vVDbeabkn7YsTRpVF5FYzdjCmhOZhyphenhyphen3eUKkWgu8PTOwZdJHIOe_THv2duRSP8mstlr4XBI4ToCVC6NjZSq2TDUUoNks5f9e_ObZv560W5VdXM/s1600/1.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhNA3qLEiNeYOZv5rM5-t8MLN_tVUu0rx4vVDbeabkn7YsTRpVF5FYzdjCmhOZhyphenhyphen3eUKkWgu8PTOwZdJHIOe_THv2duRSP8mstlr4XBI4ToCVC6NjZSq2TDUUoNks5f9e_ObZv560W5VdXM/s1600/1.jpg)
โฆษกกระทรวงการคลังเน้นย้ำว่า ที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้รับเบาะแสเกี่ยวกับการทุจริตของประชาชนหรือผู้ประกอบการร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการเราชนะ (โครงการฯ) โดยมีพฤติกรรมการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ เช่น การแลกวงเงินสิทธิ์เป็นเงินสด การขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม เป็นต้น ซึ่งกระทรวงการคลังได้ประสานขอความร่วมมือกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามและตรวจสอบ
โดยหากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขจริง จะระงับการใช้เครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง EDC) หรือแอปพลิเคชัน ถุงเงิน ของร้านค้า และดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป จึงขอความร่วมมือประชาชนในการรักษาสิทธิ์ของตนเอง
และขอให้ผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการฯ ทั้งนี้ ประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ สามารถแจ้งเบาะแส รวมถึงส่งหลักฐานการกระทำผิดเงื่อนไขโครงการฯ ทางไปรษณีย์มาที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 หรือทางไปรษณีย
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgxa28VHp886lL6N8O_3duyZ1B5tkx43TU-77-JWx95nrFW-W_LvAiiypZ_0XqmyoutBcU60_AElz87py7iMnZTNZ2LHOOo3xgPtPDkWDQMc9CbC1BF9mriTQl2D1Pvdkqrpq2BHL7KqYYK/s1600/2.jpg)
ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงการคลังได้แถลงเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าของโครงการฯ ณ วันที่ 20 เมษายน 2564 ดังนี้..
1) ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 73,197 ล้านบาท
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhkxOkYGhT9_8vIqO91zOgqpjItuYEU0WR7auVUubDqt4pwOeT7gw1CjHEF85JmHRKpTY4yS-ZMvc2wjzgcv12ahp8s0dr3AP3IE6pJyKELZnfHNgTjRz4NPWU_E7yBT15MSiJp4Je7vkrp/s1600/3.jpg)
2) ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน เป๋าตัง ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ .com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 16.8 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 113,010 ล้านบาท และ
3) ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.3 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 14,146 ล้านบาท ทำให้มีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการฯ แล้ว รวมทั้งสิ้นจำนวน 32.8 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 200,353 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน ถุงเงิน ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.3 ล้านกิจการ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjlraOHmaBV6d9HQQZwEczSE6-WUea9C7taexai5tuUNuELuuTcaFvRdHKpTqvwSkhgB0Oe-IB2Y3esP7-GJmzYPAOzu_H5n5G9tiMP8FLoAzxvuufgHFI6QgnJdMkOFMMYNA7cuuTqqonq/s1600/4.jpg)
สำหรับข่าวที่ออกไปว่า เราชนะ จะเเจกเพิ่มอีก 2.4ล้านคนนั้น ปัจจุบันโครงการก็ได้ปิดรับลงทะเบียนไปแล้ว ไม่มีเปิดลงทะเบียนรอบใหม่ โดยจำนวน 2.4 ล้านคน ที่ ครม.เห็นชอบ เป็นการอนุมัติในขั้นตอนของการใช้งบประมาณ เนื่องจากที่ผ่านมา ครม. อนุมัติกรอบเป้าหมายโครงการเราชนะไว้ 31.1 ล้านคน วงเงิน 210,200 ล้านบาท แต่เมื่อมีการลงทะเบียนจริงแล้วมีผู้สามารถรับสิทธิได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยคาดว่าจะมีผู้รับสิทธิได้รวม 33.5 ล้านคน ดังนั้น คลังจึงต้องขออนุมัติจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมมาใช้ให้สอดคล้องกับจำนวนคนที่เพิ่มขึ้น