วันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (ไฟฟ้าและน้ำประปา) โดยลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ตามมาตรการเดิมที่ได้ดำเนินการ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 2564 โดยให้มีผลในรอบบิล เดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2564 ดังนี้
ค่าไฟฟ้า
ให้สิทธิ์สําหรับบ้านอยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ดังนี้
1.ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน ให้สิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก
2.ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า ดังนี้ กรณีหน่วยการใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าหรือเท่ากับ ใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 ให้คิดค่าไฟฟ้าตามหน่วยการใช้ไฟฟ้าจริง
กรณีหน่วยการใช้ไฟฟ้ามากกว่าใบแจ้งค่าไฟฟ้า เดือนเมษายน 2564 ให้คิดค่าไฟฟ้าตามหน่วยการใช้ ดังนี้
สําหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564
สําหรับผู้ใช้ ไฟฟ้ามากกว่า 500 หน่วยต่อเดือน แต่ไม่เกิน 5,000 หน่วยต่อเดือน ให้คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยการใช้ ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 บวกด้วยหน่วยการใช้ไฟฟ้าที่มากกว่าหน่วยการใช้ไฟฟ้า ใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 ในอัตราร้อยละ 50
สําหรับผู้ใช้ไฟฟ้ามากกว่า 2,000 หน่วย ให้คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 บวกด้วย หน่วยการใช้ไฟฟ้าที่มากกว่าหน่วยการใช้ไฟฟ้า ของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 ในอัตราร้อยละ 70 โดยให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคํานวณภาษีมูลค่าเพิ่ม
ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ให้สิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี 50 หน่วยแรก
มาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านค่าไฟฟ้า สําหรับบ้านอยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก กําหนดให้ดําเนินการเป็นระยะเวลา 2 เดือน สําหรับใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้าประจําเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2564
ค่าน้ำประปา ลดค่าน้ำประปาลงร้อยละ 10 เฉพาะบ้านที่อยู่อาศัย และกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) เป็นระยะเวลา 2 เดือน สําหรับใบแจ้งหนี้ค่าน้ำประปา ประจําเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2564
ทั้งนี้ เห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบ ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค ดําเนินการตามมาตรการ บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (ไฟฟ้าและน้ำประปา) โดยขอรับสนับสนุน แหล่งเงินเพื่อดําเนินตามมาตรการดังกล่าว ภายใต้กรอบวงเงินรวมไม่เกิน 10,000 ล้านบาท