นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 เห็นชอบในหลักการของข้อเสนอมาตรการบรรเทาผลกระทบของประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจจากการแพร่ระบาดของโรคติด เ ชื้ อ ไ ว รั ส โ ค โ ร น า 2 0 1 9 หรือ โ ค วิ ด - 1 9 ในระลอกเดือนเมษายน 2564 (มาตรการเยียวยาโควิดรอบ 3)
เห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยกระทรวงการคลังในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการเราชนะ (โครงการฯ) จะได้นำเสนอรายละเอียดและแนวทางการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมของโครงการฯ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ต่อไป
ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงการคลังขอเตือนให้ประชาชนได้ระมัดระวังข่าวปลอมในลักษณะของข้อความสั้น (SMS) หรือข้อมูลที่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ ที่อาจมีการฉวยโอกาสหลอกลวง โดยขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารของโครงการฯ จากช่องทางการสื่อสารที่เป็นทางการจากทางราชการ ได้แก่ เราชนะ.com www.mof.go.th www.fpo.go.th และ Facebook Fanpage สถานีข่าวกระทรวงการคลัง และ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง: Fiscal Policy Office
ทั้งนี้ ผลในที่ประชุมครม. เมื่อ 5 พ.ค. เห็นชอบในหลักการ โครงการเราชนะ เป้าหมายประมาณ 32.9 ล้านคน โดยเป็นการขยายเพิ่มวงเงินช่วยเหลือให้ประชาชนอีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ โดยมีระยะเวลาการใช้จ่ายสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 กรอบวงเงินประมาณ 67,000ล้านบาท
ระงับสิทธิชั่วคราวร้านเราชนะ
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการคลังแจ้งว่า เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 กระทรวงการคลังได้ระงับสิทธิชั่วคราวของผู้ประกอบการในโครงการฯ ที่มีพฤติกรรมการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ เช่น การแลกวงเงินสิทธิ์เป็นเงินสด เพิ่มเติม จำนวน 2,744 ราย โดยผู้ประกอบการดังกล่าวที่ประสงค์จะชี้แจงโต้แย้งสามารถดาวน์โหลดเอกสาร แบบฟอร์มเพื่อชี้แจงโต้แย้ง ได้ที่เว็บไซต์ www.เราชนะ .com และจัดส่งเอกสารดังกล่าวผ่านทางไปรษณีย์มายังสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 หรือทาง e-Mail: wewin@fpo.go.th ภายในวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 หากพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามหลักเกณฑ์ว่าด้วยวิธีการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงและเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการฯ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการอาจเสียสิทธิในการเข้าร่วมโครงการฯ และถูกตรวจสอบขยายผลสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงการคลังจึงขอความร่วมมือประชาชนในการรักษาสิทธิ์ของตนเอง และขอให้ผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ
โฆษกกระทรวงการคลังได้แถลงเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าของโครงการเราชนะ ณ วันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ดังนี้
1) ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 73,742 ล้านบาท
2) ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ .com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 16.8 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 115,246 ล้านบาท และ
3) ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.4 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 15,243 ล้านบาท ทำให้มีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการฯ แล้ว รวมทั้งสิ้นจำนวน 32.9 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 204,231 ล้านบาท และมีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการฯ ที่ใช้จ่ายจนครบวงเงินสิทธิ์แล้ว จำนวน 24.9 ล้านคน ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.3 ล้านกิจการ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 0 2273 9020 ต่อ 3533 3566 3579 และ 3595 (เฉพาะวันและเวลาราชการ)
Call Center ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 0 2111 1122 (ตลอด 24 ชั่วโมง)