จากกรณีคลิปเหตุการณ์ขณะเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังขับรถไปรับผู้ป่วยด้วยความเร่งรีบ แต่พบว่ามีรถผู้ช่วยพยาบาลคันหนึ่งขับขวางอยู่ด้านหน้าโดยไม่ยอมหลีกทางให้ แม้กู้ภัยจะเปิดไซเรนและขอทางแล้ว จนสุดท้ายผู้ป่วยรายนี้เสียชีวิต
ต่อมาเกิดประเด็นวิวาทะกันระหว่างสองฝ่าย ผู้ช่วยพยาบาลออกมาโพสต์ตำหนิกู้ภัยเรื่องการขับรถฉุกเฉิน ให้คิดถึงความปลอดภัยของคนอื่นบ้าง และยังบอกอีกว่า รถกู้ภัยขับจ่อท้ายแบบเร่งเครื่องสลับหยุด ตนจึงไม่กล้าที่จะขับรถเบี่ยงออกไป เพราะการที่รถกู้ภัยขับจ่อท้ายอย่างกระชั้นชิด ทำให้สติในการขับรถของตนลดน้อยลง และกลัวจะถูกชน
หลังเกิดเหตุตนได้ส่งข้อความไปชี้แจงที่มูลนิธิฯ แต่ไม่มีการตอบรับ จึงตัดสินใจนำเรื่องราวมาโพสต์ นอกจากนี้ยังมีกู้ภัยบางคน และชาวเน็ต ส่งข้อความมาในลักษณะข่มขู่ ยอมรับว่าปรึกษาทนายแล้วในเรื่องที่จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างไรได้บ้าง ซึ่งตนก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แต่ขอให้ฟังความทั้งสองข้างว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร หากคนใดคิดว่าเหตุการณ์ตามคลิปตนผิด ตนต้องขอโทษด้วย
ล่าสุด ตัวแทนของทางมูลนิธิสยามรวมใจ พร้อมทนายความ ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ทุ่งสง โดยนำหลักฐานการโพสต์ข้อความของผู้ช่วยพยาบาลคนดังกล่าว และคลิปจากกล้องหน้ารถมามอบให้พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับผู้โพสต์ ในข้อหาความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ ฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ และข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
กู้ภัยระบุว่า โพสต์ดังกล่าวทำให้ทางกู้ภัยและมูลนิธิ ฯ เสื่อมเสียชื่อเสียง อีกทั้งยังทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าการปฏิบัติหน้าที่ของทางกู้ภัยก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งไม่เป็นความจริง จึงมาแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้โพสต์ เบื้องต้นทางตำรวจได้รับเรื่องไว้ และจะตรวจสอบพยานหลักฐาน ก่อนเรียกตัวผู้โพสต์มาสอบสวนดำเนินการต่อไป
ส่วนความผิดเกี่ยวกับ พรบ.จราจร ในมาตรา 34 และมาตรา 35 ซึ่งผู้ขับขี่ต้องขับรถในช่องซ้ายสุด หรือใกล้กับช่องเดินรถประจำทาง โดยเฉพาะรถที่มีความเร็วต่ำกว่าความเร็วของรถคันอื่นต้องขับให้ใกล้ขอบทางเดินรถด้านซ้ายเท่าที่จะทำได้ ซึ่งทางพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งสง อยู่ระหว่างเรียกตัวคนขับรถเก๋ง มาเปรียบเทียบปรับต่อไป โดยมีโทษปรับ 1,000 บาท